ทริปนี้ ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวเฉยๆ ครับ แล้วก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็จะได้ไปด้วย เอ๊ะ แล้วตกลงยังไง เห็นขึ้นชื่อโพสว่า อยู่ๆ ก็ได้ไป แต่พอมาเข้าเรื่องกลับบอกว่า ไม่ใช่ว่าแค่อยู่ ก็ได้ไป
เอางี้ครับ ติดตามอ่านไป ก็จะหายงงเอง (คิคิ)
เรื่องของเรื่องคือ
ผมได้ไปนั่งกินโรตีร้านหน้ามอ. ตรงวงเวียนเลย (หลายคนรู้จัก) ก็นั่งคุยกับเพื่อนๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แล้วก็มีพี่คนนึงถามว่าผมว่างมั้ย ประมาณปลาย ก.ค. ต้น ส.ค. 1 สัปดาห์ ผมก็ทำท่านึกๆ ว่ามีงานอะไรหรือเปล่า รู้สึกว่าไม่มี เลยบอกพี่เขาไปว่าว่าง พี่เขาก็บอกว่า ต้องการตัวแทนไปฮ่องกง 1 สัปดาห์ พี่น้องครับ แค่ตรงนี้ ผมงี้ หูผึ่งเลย รีบตอบรับเลย ว่าไป และคิดในใจว่า ถ้ามีงานอะไรช่วงนั้น ก็จะเคลียร์เพื่อให้ได้ไปงานนี้ แล้วพี่เขาก็บอกว่าจะติดต่อมา
สิ่งที่อยากจะบอกจากตรงนี้คือว่า ไม่ใช่อยู่ๆ ก็ได้ไปครับ แต่มาจากการพยายามสั่งสมหลายๆ อย่างที่ผมคิดว่าจำเป็น แล้วปรากฎว่าตรงกับที่พี่เขาอยากได้ คืองี้ครับ พี่เขาบอกว่า อยากได้ผู้ชายที่ทำงานเกี่ยวกับพัฒนาชุมชน หรือแนวสิทธิมนุษยชน เพราะผู้หญิงเขามีคนแล้ว ถึงผมจะไม่ได้เป็นแนวสิทธิมนุษยชนจ๋ามาก แต่แนวพัฒนาชุมชนก็พอได้ และต้องเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ตรงนี้ต่างหากครับที่อยากจะเน้นย้ำ เพราะถ้าผมไม่ได้พยายามฝึกภาษาอังกฤษมาก่อน ก็คงจะยากมากครับ ที่ผมจะได้มีโอกาสไปฮ่องกง เพราะคุณสมบัติคงไม่พอ หรือไม่ครบ
ดังนั้น ฝึกภาษาอังกฤษ อีกภาษาหนึ่งไว้มากๆ นะครับ ไม่แน่ อาจมีอะไรดีๆ แบบนี้มากกว่าที่ผมได้ก็ได้ครับ
มา เรามาเดินทางกันต่อเลยดีกว่าครับ
หลังจากที่ได้ตอบรับ ก็มีการประสานงานโดยพี่อีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ประสานงานระหว่างผมกับองค์กรที่จะไป งานนี้มีน้องผู้หญิงอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ ไปด้วย ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่เป็นไรครับค่อยไปทำความรู้จักได้
ก็มีการประสานงาน ส่งข้อมูลทั้งของเรา และของเขา คือ เขาก็ต้องการรู้ว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร ยังไง เช่นกัน ผมก็ต้องการรู้ว่าองค์กรที่จัดเป็นยังไง งานนี้เกี่ยวกับอะไร ประมาณนี้อ่ะนะครับ จนทุกอย่างเรียบร้อย
ก็ถึงวันเดินทาง
ตื่นเต้นกับผมมั้ยครับ
คิคิ
วันที่ต้องเดินทาง ผมต้องไปขึ้นเครื่องที่หาดใหญ่ก่อน แล้วต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิเพื่อที่จะไปฮ่องกง
ปกติผมจะจ๊อบพาสปอร์ตตอนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะเรากำลังจะไปต่างประเทศ แต่ว่า เราสามารถเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่หาดใหญ่ได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาที่สุวรรภูมิ ซึ่งทางสายการบินก็ถามว่า จะจัดการที่นี่ หรือจะไปทำที่สุวรรณภูมิ ผมว่า ทำที่นี่ดีกว่าครับ จะได้เรียบร้อยไปเลย
ก็ขึ้นไปชั้นสองของสนามบินหาดใหญ่ ถ้าจะออกนอกประเทศมันจะอยู่คนละฟากครับ รอเครื่องก็คนละส่วนเลย เหมือนแยกออกมา
แล้วเขาก็ให้สติกเกอร์มาอันหนึ่งติดหน้าอก ไว้ใช้ต่อเครื่อง ผมก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แต่เอาเป็นว่า ใช้ต่อเครื่องก็แล้วกันนะครับ
อยากรู้ ตามอ่านตอนต่อไปนะครับ
โพสต์ต่อเนื่อง
ยินดีด้วยน่ะแบ
อยากเข้าโครงการบ้างอ่าแบ สนใจๆ เป็นเด็กถือกระเป๋าก็ได้น่ะ อิอิ
อาซิห์ น้องเอก…..@อย่าลืมของฝากด้วยน่ะ
ฝึกภาษาอังกฤษมาเลยครับ
🙂
อ้อ พาสปอร์ตด้วยนะ
ไว้นัดวันไปเที่ยวต่างประเทศกัน
i wanna have such experience as u ,.,. what i suppose to u kah bang matu?
Now, practice your English to be better
not only better than before
but also better than another one
ว้าวๆ สงสัยงานยุ่งจริงอะไรจริงเขียนหลังจากไปมาหนึ่งปี อิอิ รออ่านๆค่า
ครับผม